วงศ์: Nectariniidae
ชื่อวิทยาศาสตร์: Dicaeum cruentatum (Linnaeus) 1758.
ชื่อสามัญ: นกดอกไม้สีแดง
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่น ๆ: –
นกประเภทนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dicaeum cruentatum ซึ่งมาจากศัพท์ละติน “cruentatus” (cruent และ -tus) ซึ่งแปลว่าสีแดงหรือสีเลือด นั่นหมายความว่า “นกที่มีหลังสีแดง” พบครั้งแรกที่รัฐเบงกอลประเทศอินเดีย ทั่วโลกมีทั้งหมด 8 ชนิดย่อย
ในประเทศไทยมี 2 ชนิดย่อย ได้แก่ Dicaeum cruentatum siamense Boden kloss ซึ่งมีชื่อย่อยมาจากสถานที่ครั้งแรกที่พบคือ จังหวัดนครราชสีมา และ Dicaeum cruentatum ignitum (Begbie) ซึ่งมีชื่อย่อยมาจากศัพท์ละติน ignites (ign, -e, -i) ซึ่งแปลว่าสีแดงเพลิง นั่นหมายความว่า “นกที่มีหลังสีแดงเพลิง” พบครั้งแรกที่ประเทศมาเลเซีย
กระจายพันธุ์:
ตั้งแต่อินเดียตอนเหนือ, จีนตอนใต้, เกาะไหหลำ, จนถึงเกาะบอร์เนียวและเกาะสุมาตรา
ลักษณะทั่วไป:
เป็นนกขนาดเล็กมาก (9 ซม.) ตัวเต็มวัยทั้งสองเพศกลางลำตัวด้านล่างมีแถบสีขาวแกมสีเนื้อ ตัวผู้ลำตัวด้านบนสีแดง ปีก หาง หัวด้านข้าง และลำตัวเป็นสีดำ
ตัวเมียแตกต่างจากนกกาฝากอื่น ๆ โดยตะโพกและขนคลุมโคนขนหางด้านบนสีแดง ตัวไม่เต็มวัยแทบไม่แตกต่างจากนกกาฝากสีเรียบยกเว้นมีแต้มสีส้มอ่อนบริเวณตะโพกและขนคลุมโคนขนหางด้านบนที่มีสีเขียวอ่อนถึงเขียว แต่มักมองไม่เห็นเมื่อดูในธรรมชาติ
อุปนิสัยและอาหาร:
พบตามป่าเต็งรัง, ป่าเบญจพรรณ, ชายป่าดงดิบ, ป่ารุ่น, ทุ่งโล่ง, และสวนผลไม้ ตั้งแต่พื้นราบจนกระทั่งความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล มักพบอยู่เป็นคู่ และอาจพบอยู่รวมกับนกชนิดอื่น ๆ เป็นนกที่ไม่ค่อยหยุดนิ่ง มักกระโดดจากกิ่งไม้หรือยอดไม้สลับบินไปยังต้นไม้อื่นเสมอ
ขณะเกาะและกระโดดไปตามกิ่งไม้และยอดไม้มักร้องไปด้วย กินน้ำหวานดอกไม้เป็นอาหาร โดยเฉพาะดอกกาฝากซึ่งติดอยู่ตามต้นไม้และพุ่มไม้ และผลไม้ โดยเฉพาะผลตะขบบ้าน โดยใช้ปากจิกกินเนื้อในผลแก่ แต่ยังไม่สุกงอมโดยไม่ทำให้ผลหลุดจากขั้ว นอกจากนี้ยังจิกกินแมลงและตัวหนอนตามกิ่งไม้และยอดไม้ โดยเฉพาะแมลงที่มาตอมดอกไม้
การผสมพันธุ์:
ผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนถึงฤดูฝนระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม ทำรังเป็นรูปกระเปาะห้อยตามกิ่งไม้ มีทางเข้าออกทางด้านข้างด้วยการนำดอกหญ้า ใบไม้ ใบหญ้า เส้นใยมะพร้าว และใยแมงมุมมาสานกันหรือเชื่อมให้ติดกันด้วยใยแมงมุมทั้งสองเพศช่วยกันหาวัสดุและสร้างรัง
โดยทั่วไปรังกว้างประมาณ 6-7 ซม. ยาว 8-10 ซม. ปากทางเข้าออกกว้าง 3.0-3.5 ซม. หรือกว้างพอที่ตัวนกเข้าออกได้เท่านั้น รังอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 3-6 เมตร ปกติจะสร้างรังตามกิ่งไม้ที่มีใบแน่นทึบ ซึ่งบางครั้งทำให้มองเห็นได้ยาก รังมีไข่ 3 ฟอง
ไข่:
สีขาวนวล ไม่มีจุดหรือลาย ขนาดของไข่โดยเฉลี่ย 12.0×16.1 มม. ทั้งสองเพศช่วยกันฟักไข่ ใช้เวลาฟักไข่ 12-13 วัน ลูกนกที่ออกจากไข่ใหม่ ๆ มีรูปร่างเทอะทะ ยังไม่ลืมตา ไม่มีขนคลุมลำตัว ขาและนิ้วยังไม่แข็งแรงพอจะยืนหรือเดินได้ ทั้งสองเพศจะช่วยกันกกลูกให้ความอบอุ่น และหาอาหารมาป้อน ในระยะแรกการป้อนอาหารจะบ่อยมาก ประมาณ 5-10 นาทีต่อครั้ง
ขณะที่ตัวหนึ่งไปหาอาหารมาป้อนลูก อีกตัวหนึ่งจะอยู่ภายในรังหรือเกาะอยู่ภายนอกรังคอยระวังไม่ให้ศัตรูมาทำร้ายได้ แต่บางครั้งก็ออกไปหาอาหารพร้อมกัน อาหารที่นำมาป้อนลูกนกส่วนใหญ่ได้แก่ ตัวหนอนและแมลง บางครั้งเป็นผลไม้ขนาดเล็ก เมื่อป้อนเสร็จแล้วจะรอรับของเสียลักษณะเป็นก้อนกลมที่ลูกนกถ่ายออกมา โดยลูกนกจะหันก้นไปทางปากรังแล้วถ่ายออกมา แล้วพ่อแม่นกจะคาบออกไปทิ้งนอกรัง ลูกนกอายุประมาณ 20 วัน จะมีขนคลุมเต็มตัวและบินออกจากรังได้
สถานภาพ:
เป็นนกประจำถิ่น พบบ่อยและปริมาณมาก ชนิดย่อย siamense พบทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันตก ชนิดย่อย ignitum พบทางภาคใต้ตั้งแต่คอคอดกระลงไป
กฎหมาย:
ยังไม่ได้จัดเป็นสัตว์ป่าที่ได้รับการสงวนหรือป้องกัน เนื่องจากกฎหมายระบุถึงการจัดเป็นสัตว์ป่าที่ได้รับความคุ้มครองว่า “นกกาฝากทุกชนิดในวงศ์ (Family) Dicaeidae” โดยไม่กล่าวถึงนกสีชมพูสวนอย่างใดทั้งนั้นทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนกในสกุลเดียวกัน
# นกชมพูสวน
# นกชมพูสวน ตัวเมีย
# นกชมพูสวน ราคา
# ลูกนกชมพูสวน
# นกชมพูสวนกินอะไร
# นกชมพูสวน ผิดกฎหมายไหม
# นกชมพูสวน กิน อะไร